วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

อนุทินที่ 3

ข่าวเกี่ยวกับกฎหมายการศึกษา
สุดทน! แม่แจ้งความเอาผิดครูโรงเรียนดัง ทำร้ายลูกสาววัย 3 ขวบ


ผู้ปกครองแจ้งความเอาผิดครูโรงเรียนดังพัทยา ก่อนโพสต์เฟซบุ๊ก หลังลูกวัย 3 ขวบ โดนทำร้าย แถมจับขังห้องน้ำ จนเด็กเกิดความหวาดกลัว พร้อมขอเปิดกล้องวงจรปิดเพื่อดูเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตร.พัทยา เตรียมติดต่อสอบปากคำ
                จากกรณีมีเฟซบุ๊กชื่อ "Nipa Aum" ลงภาพเด็กวัย 3 ขวบ มีร่องรอยเขียวช้ำบริเวณต้นแขนซ้าย และภาพการเข้าแจ้งความเอาผิดกับ สภ.เมืองพัทยา ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อไปยังเจ้าของเฟซดังกล่าว คือ น.ส.นิด (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ชาวต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่บอกว่า เรื่องดังกล่าวเกิดจากโดนครูโรงเรียนในเมืองพัทยา กระทำจนเป็นรอยเขียวซ้ำ แต่เมื่อผู้ปกครองเข้าไปสอบถามกลับถูกปฏิเสธไม่รู้สาเหตุ ก่อนครูที่ดูแลลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่บอกถึงสาเหตุ
                น.ส.นิด (นามสมมติ) เป็นผู้ปกครอง ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ เล่าเหตุการณ์ว่า ช่วงเย็นวันที่ 1 พ.ย.59 ได้ให้ญาติไปรับด.ญ.เอ กลับจากโรงเรียนซึ่งพบว่า บริเวณต้นแขนซ้ายมีอาการเขียวช้ำ จึงได้โทรศัพท์สอบถามครูว่าน้องเป็นอะไร ซึ่งตอนแรกตนเองแค่คิดว่าเด็กคงเล่นกับเพื่อนแล้วล้มลงกับพื้น แต่กับได้รับคำตอบว่าไม่รู้ และครูอ้างเพียงคงเล่นกับเพื่อนแล้วล้ม ตนจึงพยายามไปติดต่อขอดูภาพกล้องวงจรปิดแต่ได้รับการปฏิเสธ จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรสจ สภ.เมืองพัทยา เพื่อต้องการทราบสาเหตุ และต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิด
                เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ดูรอยบาดแผลน่าจะเกิดจากการถูกตี และพยายามพูดคุยกับ ด.ญ.เอ จนได้คำตอบว่าถูกพี่ปูตี ซึ่งในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจถามว่าจะให้ลงบันทึกตามคำบอกเล่าของ ด.ญ.เอ เลยหรือไม่ น.ส.นิด จึงบอกยังก่อน เพราะอยากดูภาพจากกล้องวงจรปิดเสียก่อน ถ้าพบว่าเป็นจริงก็จะกลับมาแจ้งความเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดี
                จากนั้นได้พา ด.ญ.เอ ไปโรงเรียน แต่น้องกลับแสดงอาการหวาดกลัวไม่ยอมไปโรงเรียน และได้พบกับ น.ส.ปู (นามสมมติ) หัวหน้าครูชั้นเตรียมอนุบาล ซึ่งได้บ่นว่าจะมาทำไม มาเป็นภาระให้กับคนอื่น
                พอทางโรงเรียนทราบว่า ทางตนเข้าแจ้งความก็ยอมให้ดูภาพวงจรปิด แต่ในภาพเหมือนมีการตัดบางช่วงออก และไม่ตรงกับคำบอกเล่าของครูคนอื่น แต่ตนเองไม่สามารถเปิดเผยได้ กระทั่งตนพยายามเข้าไปติดต่อสอบถามที่โรงเรียนหลายครั้งหลัง และได้ย้าย ด.ญ.เอ ไปเรียนที่อื่น เพื่อให้ ด.ญ.เอ มีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และทราบว่าครูปูได้ลาออกจากโรงเรียน และยอมรับว่าเป็นคนทำน้อง แต่เป็นเพียงแค่ดึงตุ๊กตาหมีเก่าๆ ที่น้องติดเท่านั้น
                นอกจากนั้นพฤติกรรมที่น้องเปลี่ยนไปอีกอย่าง คือไม่ยอมเข้าห้องน้ำอาบน้ำหรือภารกิจอย่างอื่นๆ จะอาบน้ำบริเวณหน้าบ้าน ต่อมาจึงทราบสาเหตุว่า ด.ญ.เอ ถูกครูจับขังในห้องน้ำเพราะน้องร้องไห้ไม่หยุด
                จากการที่ น.ส.นิด เข้าแจ้งความนั้น เพื่อต้องการทราบเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับ ด.ญ.เอ ว่าเป็นอย่างไร และบาดแผลเกิดจากอะไร ซึ่งน้องนั้นมีปัญหาตั้งแต่ตอนเกิดก่อนกำหนด 7 เดือน การพัฒนาก็ช้าว่าเด็กคนอื่น และยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีกตนเองจึงยอมไม่ได้
                เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัด น.ส.ปู และ ด.ญ.เอ เข้าให้รายละเอียดปากคำอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย.59 ที่ สภ.เมืองพัทยาอีกครั้ง ส่วนด้านทางโรงเรียน ทางผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวแต่ไม่มีผู้รับสาย

               
                จากการที่ข้าพเจ้าได้อ่านข่าว สุดทน! แม่แจ้งความเอาผิดครูโรงเรียนดัง ทำร้ายลูกสาววัย 3 ขวบ 
                   รู้สึกเศร้า เสียใจเป็นอย่างมาก และมีความรู้สึกว่าทำไมคนเป็นครูจึงไม่มีความใจเย็นและมีสติในการกระทำสิ่งใด เพราะคำว่า ครูคือบุคคลที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ดั่งมีผู้คนมากมายเปรียบครูไว้มากมายเช่นกัน เช่น ครูเป็นดั่งแม่พิมพ์ของชาติ เปรียบเสมือนพระในบ้าน ครูเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สอง ซึ่งแน่นอนว่าคนเป็นครูจะต้องเป็นคนดี คนที่มีจิตใจดี เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทุกคน แต่เมื่อได้อ่านข่าวนี้แล้ว ความเป็นครูที่ครูปูมีนั้นหมดไป ด้วยพฤติกรรมที่ครูปูทำร้ายร่างกายและขังนักเรียนวัย 3 ขวบไว้ในห้องน้ำ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่งและเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ มีความผิดทั้งทางวินัยข้าราชการ  ผิดจรรยาบรรณในวิชาชีพครู และยังเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจผู้อื่นด้วย 

                ในฐานะที่ดิฉันเรียนครู คณะครุศาสตร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ และกำลังจะไปเป็นครูในอนาคต ดิฉันคิดว่าการไปประกอบอาชีพครูนอกจากจะมีความรู้แล้วจะต้องมีคุณธรรมควบคู่ไปด้วยเช่นกัน คุณธรรมในที่นี้คือ ครูจะต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า  กรุณา คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ มุทิตา คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา และนอกจากนี้แล้ว ครูจะต้องมีสติและใจเย็น สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี มีเหตุผลที่ดีและรู้จักแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างความถูกต้อง ไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นต้องเดือดร้อน ถ้าดิฉันเป็นครูปู ดิฉันจะไม่ทำแบบนั้น แต่ดิฉันจะพูดจาดีๆ เอาใจใส่นักเรียนคนนั้นให้มากกว่านี้ ต้องยอมรับว่านักเรียนคนนี้ไม่เหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ คือมีพัฒนาการในการเรียนรู้ช้ากว่านักเรียนคนอื่น เราไม่ต้องเอาเกณฑ์ของนักเรียนคนอื่นมาใช้กับนักเรียนคนนี้ แต่จะต้องค่อยสอนและให้เขาเรียนรู้อย่างช้าๆแต่เกิดความเปลี่ยนแปลง และถ้าเขาไม่เชื่อฟังหรือดื้อ ก็ควรใจเย็น มีสติและพูดจาดีๆ ไม่ควรลงมือทำร้ายร่างงกาย ซึ่งถ้าครูเข้าใจธรรมชาติของนักเรียนแต่ละคนและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ปัญหาแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น 

1 ความคิดเห็น: